
หลวงพ่อล้าน เขมจิตฺโต หรือพระครูเกษมจิตตาภิรักษ์ มีนามเดิมว่า ล้าน สงนรินทร์ (แซ่ฟุ้ง) เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา จุลศักราช ๑๒๙๕ ณ บ้านคลองเคี่ยม ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โยมบิดาชื่อ นายสุกปั้น และโยมมารดาชื่อ นางพร้อย สงนรินทร์ ครอบครัวมีพี่น้อง ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๒ ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกร รม .....
ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างลำบา ก ต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน แต่ยังมีเวลาที่จะศึกษาเล่า เรียน เมื่ออายุ ๗ ขวบ ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนวัด ขนาย จบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ หลังจากนั้นได้ช่วยครอบครัว ประกอบอาชีพทำนา และปลูกผักขาย ใช้ชีวิตในวัยหนุ่มด้วยการห าเลี้ยงครอบครัว แต่แล้วในวัย ๒๗ ปี ท่านเกิดมีความคิดที่จะบวชเ รียนตามประเพณี จึงได้กราบลาบุพพการีเข้าพิ ธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ณ วัดขนาย โดยมีพระครูสถิตสันตคุณ (หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน) เจ้าคณะอำเภอคีรีรัฐนิคม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพิทักษ์ธรรมสาร (หลวงพ่อพริ้ม) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูรัษฎารามคณิศร์ เจ้าคณะตำบลบางงอน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานามว่า เขมจิตฺโต หลังอุปสมบทท่านได้ศึกษาในพ ระปริยัติธรรมอย่างมุ่งมั่น ตั้งใจ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี -โท-เอก ก่อนหันไปศึกษาวิชาอักขระขอ ม ลงเลขยันต์จากหลวงพ่อพริ้ม นอกจากวิทยาคมอักขระขอม ท่านยังได้เรียนวิชาต่อกระ
ด ูกตำรับวัดขนายโดยตรงจากหลว งพ่อพริ้มผู้เป็นอาจารย์ ท่านศึกษาวิชาต่อกระดูกจนมี ความเชี่ยวชาญ ท่านได้นำวิชาที่ได้ร่ำเรีย นมาใช้รักษาชาวบ้านที่ประสบ อุบัติเหตุกระดูกหักให้หายเ ป็นปกติ จึงเป็นที่กล่าวขานกันมากว่ า ”หากมีเหตุกระดูกหัก หรือกระดูกแตกให้นำคนเจ็บมา ทำการรักษากับพ่อหลวงล้านที ่วัดขนาย รับรองหายเป็นปกติทุกราย“ ซึ่งทุกวันนี้ยังคงมีผู้ได้ รับบาดเจ็บมาทำการรักษาที่ว ัดขนายเสมอๆ ท่านจะให้คำปรึกษาในเรื่องก ารต่อกระดูก และการรักษาด้วยน้ำมันสมุนไ พรตามตำราที่ท่านได้
ร่ำเรีย นมา ในบางครั้งบางโอกาสหากมีคนบ าดเจ็บมาที่วัดอย่างฉุกเฉิน หรือในกรณีที่บาดเจ็บเล็กๆน ้อยๆท่านก็ช่วยดูแลรักษาคนเ จ็บด้วยตนเอง ส่วนการดูแลรักษาประจำนั้นจ ะมีหมอพื้นบ้านเป็นผู้ทำการ รักษาอยู่ภายในอาคารผู้ป่วย ของวัดขนายที่ท่านได้สร้างไ ว้ให้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีเม ตตาเอาใจใส่ของท่านเสมอมา
เ
ลำดับงานปกครองและผลงานเผยแ ผ่พระพุทธศาสนา
ปี พ.ศ.๒๕๑๕ วันที่ ๕ กรกฎาคม ขณะที่อายุครบ ๓๙ ปี (พรรษา ๑๒) ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นครู
ส อนพระปริยัติธรรมประจำสถานศ ึกษาวัดบางงอน
ส
ปี พ.ศ.๒๕๑๗ สอบไล่ได้นักธรรมเอก สำนักเรียนวัดเกษมบำรุง
ปี พ.ศ.๒๕๑๘ เป็นพระวิปัสสนาจารย์ และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป ็น พระสมุห์ล้าน เขมฺจิตฺโต
ปี พ.ศ.๒๕๓๑ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษา การเจ้าอาวาสวัดเกษมบำรุง(ข นาย)
ปี พ.ศ.๒๕๓๒ วันที่ ๓๐ มกราคมได้รับแต่งตั้งให้เป็ นเจ้าอาวาสวัดขนาย ขณะที่ท่านมีอายุได้ ๕๕ ปี
พรรษาที่ ๒๙
ปี พ.ศ.๒๕๔๐ ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็ นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท (จร.ชท.)ในพระราชทินนามที่
พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์
พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์
ปี พ.ศ.๒๕๔๘ ขณะนั้นท่านอายุ ๗๐ ปี พรรษาที่ ๔๒ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลชั้นตรี
(จต.ชต.) ในพระราชทินนามเดิมที่ พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์ ปกครองวัดในสังกัด
ตำบลบางงอ น อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
(จต.ชต.) ในพระราชทินนามเดิมที่ พระครูเกษมจิตตาภิรักษ์ ปกครองวัดในสังกัด
ตำบลบางงอ
ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพ ระครูสัญญาบัตรชั้นโท (จต.ชท.) เจ้าคณะตำบลชั้นโท
ในราชทินนามเดิม
ในราชทินนามเดิม
"พระเกจิดังแห่งลุ่ม น้ำตาปี" ......
โอ่ว ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดีครับ .....
ตอบลบได้ไปกราบหลวงพ่อมาแล้วครับ ท่านเมตตามากๆครับ
ตอบลบ